|
|
Mclaren P1 สำหรับรถซูเปอร์คา ร์คันนี้ อ้อไม่ใช่สิมัน! มันเป็นรถไฮเปอร์คาร์ต่างหากหละ สำหรับเจ้าคันนี้ระดับเรา ๆ คงจะมีสิทธิ์แค่มองดูมันเท่านั้น แต่สำหรับมหาเศรษฐีที่มีใจรักรถหลายคนคงจ้องเจ้าคันนี้อยู่อย่างแน่นอน เพราะมันเป็นรถที่สวยจริง ๆ ทั้งการออกแบบที่ผสมผสามความลงตัวในด้านความสวยงามที่เป็นลายเส้นของ Mclaren โดยแท้ บวกกับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อให้ตัวของรถมีแรงต้านจากลมให้น้อย ที่สุด ทางแม็คลาเร็นจะผลิตเจ้า Mclaren P1 คันนี้ออกมาสู่ตลาดเพียง 375 คัน เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันก็กำลังเป็นช่วงผลิตเตรียมส่งมอบรถให้กับลูกค้าในปลายปีนี้กัน อยู่ เครื่องยนต์ที่ใช้คือ เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบขนาด V8 ขนาด 3.8 ลิตร ที่ให้กำลัง 727 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที ผสมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถให้กำลังสูงถึง 176 แรงม้า รวมแล้ว 903 แรงม้า
อะไร กันนี่! หลายท่านคงจะตะลึงเพราะว่า Mclaren P1 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V-8 แต่ความสามารถของตัวมัน สามารถขึ้นไปเป็นคู่ต่อสู้ของรถซูเปอร์คาร์เครื่อง V12 ของ Ferraris และ Lamborghini ได้ …แต่ไม่เพียงแค่นั้นความพิเศษของ แม็คลาเรน P1 คันนี้คือ บริษัทแม็คลาเรน สัญชาติอังกฤษ เจ้านี้ยังนำเอาซุปเปอร์คาร์ไฮบริดปลั๊กอินเข้ามาทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ ทำให้ผลที่ได้คือทำ ให้รถสามารถให้กำลังสูงถึง 903 แรงม้า (จากเครื่องยนต์ V8 รหัส M838T ให้กำลัง 727 แรงม้าที่ 7000 รอบ/นาที รวมกับกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 176 แรงม้า) จากแรงบิดสูงสุด 900nm (664 ปอนด์ฟุต)รถ คันนี้ยังสามารถลดอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศได้ดีเยี่ยมอีก ด้วย เจ้าไฮเปอร์คาร์ไฮบริดคันนี้ใช้ระบบส่งกำลังเชื่อมต่อกับระบบเกียร์แบบ 7 สปีดคลัทช์คู่ + อีกหนึ่งคลัทช์เดี่ยวสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งโดยปกติระบบการส่งกำลังของรถนั้นจะเป็นการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า แต่หากว่าผู้ขับจะเลือกไปใช้ระบบที่เรียกว่า E-MODE ซึ่งเป็นระบบที่รถจะวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบล้วน ๆ ซึ่งเมื่อผู้ใช้นั้นขับในระบบนี้แล้วจะสามารถขับไปได้ถึง 20 กิโลเมตร โดยต้องขับที่ความเร็วเฉลี่ย 50 กิโลเมตร /ชั่วโมง แต่เมื่อพลังงานจากแบตเตอรี่อ่อนลงเครื่องยนต์ก็จะติดและทำงานเองโดย อัตโนมัติ พลังงานที่มอเตอร์ไฟฟ้าผลิตได้นั้น จะถูกนำไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ความหนาแน่นสูงจำนวน 324 เซลล์ ที่ตั้งอยู่ด้านหลังของห้องโดยสาร โดยแบตเตอรี่สามารถชาร์จด้วยเครื่องยนต์หรือเสียบผ่านอุปกรณ์ภายนอก และสามารถชาร์จได้เต็มในเวลาสองชั่วโมง Mclaren P1 มาพร้อมกับสองคุณสมบัติจากรถ Formula 1 : The Instant Power Assist System (IPAS) เป็นปุ่มสีแดงที่ พวงมาลัยทำให้รู้สึกเหมือนกับ F1 สไตล์ คุณสมบัติของปุ่มนี้ก็คือ เมื่อกดระบบจะปล่อยพลังงานไฟฟ้าเต็มที่ไปที่ระบบขับเคลื่อน ฟังดูแล้วระบบนี้ก็จะเหมือนกับระบบ KERS ที่ใช้ใน Formula 1 จะต่างกันตรงที่ KERS คือเป็นการนำพลังงานที่สูญเปล่าที่เกิดขึ้นระหว่างการเบรก รวมไปถึงการถอนคันเร่ง แต่ IPAS จะเป็นการนำพลังงานที่เหลือจากเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงม้าออกไปถึง 176 แรงม้าเลย ทีเดียว ปุ่มนี้เหมาะสำหรับการต้องการอัตราเร่งความเร็วที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวหรือเร่งแซงเองก็ตาม อีก ระบบที่นำมาจากรถสูตร 1 คือ Drag Reduction System (DRS) เป็น ปุ่มน้ำเงินที่พวงมาลัยเป็นระบบที่ช่วยให้ลดแรงต้านจากอากาศช่วยเพิ่ม ให้รถวิ่งที่ความเร็วสูงขึ้น เมื่อกดปุ่มนี้แพนอากาศด้านหลังที่ติดอยู่ปีกหลัง(สปอยเลอร์หลัง) ของ P1 ลดมุมต่ำลงจนถึง 0 องศา ผลที่ได้คือลดแรงเสียดทานได้ถึง 23 % และแพนอากาศจะกลับไปที่ตำแหน่งเดิมเมื่อปุ่มถูกปล่อยออกหรือเมื่อมีการ เหยียบเบรก (ระบบนี้เราจะเห็นกันในการแข่งขัน Formula 1 ซึ่งหากสังเกตเราจะเห็นที่ข้างสนามมีป้ายคำว่า DRS ในช่วงทางตรง ซึ่งหมายถึงเป็นโซนที่ให้นักขับเปิดระบบนี้ได้ ข้อดีของระบบนี้คือ ช่วยให้รถมีแรงต้านที่น้อยลงเนื่องจากแรงกด หรือ Downfoce ลด ลงนั่นเอง ข้อเสีย เมื่อรถมีแรงกดน้อยลงทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนลดต่ำลงไปด้วย) ซึ่งคุณสมบัติที่ได้กล่าวมานั้นมันสามารถทำให้เจ้า P1 สามารถวิ่งไปแตะความเร็วสูงสุดที่ 385 กิโลเมตร /ชั่วโมง (239 ไมล์ ต่อชั่วโมง) ได้อย่างสบายเลยทีเดียว แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และตามกฎหมายรถจะถูกจำกัดความเร็วด้วยระบบ อิเล็กทรอนิกส์ให้มีความเร็วสูงสุดที่ 350 กิโลเมตร /ชั่วโมง (217.5 ไมล์ต่อชั่วโมง) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร /ชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 2.7 วินาที …อัตราเร่งจาก 0-200 กิโลเมตร /ชั่วโมง ใช้เวลาต่ำกว่า 7 วินาที …และน่าประหลาดใจสำหรับอัตราเร่งจาก 0-300 กิโลเมตร /ชั่วโมง ที่ถือว่าเป็นความสำเร็จคือใช้เวลาต่ำกว่า 17 วินาที ทำให้มันเป็นรถที่ทำเวลาดีกว่า McLaren F1 อยู่ 5 วินาที ยางที่ใช้คือ Pirelli P-Zero Corsa และระบบเบรกได้อย่างรวดเร็วและเเม่นยำด้วยการพัฒนาเป็นพิเศษเบรกคาร์บอน เซรามิกจาก Akebono
|
| เรื่องอื่นๆ ในหมวด |
![]() |
SF90 XX Stradale และ SF90 XX Spider: ครั้งแรกของรุ่น XX ในเวอร์ชั่น Road Car.. |
![]() |
718 Boxster Spyder และ 911 Turbo S ร่วมประชันความโดดเด่น พร้อมทัพยนตกรรมสปอร์ตกว่า 12 คัน.. |
![]() |
ลัมโบร์กินี เอสเซนซ่า เอสซีวี12 : The Purest Track Experience.. |
![]() |
ปอร์เช่ ประเทศไทย จับมือ EGAT ร่วมลงนามความร่วมมือ EV Charging station and Platform Co Creation for Electric Vehicles Project.. |
| ทั้งหมด -»» |
|
|
แสดงผลได้กับ IE9+/Firefox/Chrome 1440*900 resolutions. ©2013 carshowsociety.com Web Creative Design by Qisza.com |
789/4 ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 8 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320 มือถือ : 08-4659-4999 |