29-สิงหาคม  |   2869

คอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในฐานะรถแข่งที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพในรายการ 24-HOUR •  รถคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ทั้ง 2 คันสามารถจบการแข่งขัน Total  24 Hours of Spa โดยทีมติดอยู่ใน 20 อันดับแรก •    มั่นคงและเสถียรภาพ ผสานกับสมรรถนะที่เหนือชั้นได้รับการยืนยันด้วยการแข่ง 24-Hour  •   โชคร้ายที่รถทั้ง 2 คันมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุตอนชั่วโมงแรกๆ ของการแข่งขัน                                     •    การแข่งขัน 24-hour race ถูกคั่นเวลาโดยรถ safety cars และธงแดง •    เบนท์ลี่ย์ทั้ง 2 คันจบการแข่งขันในตำแหน่งที่ P13 และ P17 ซึ่งเทียบเท่ากับ P9     และ P11 ในคลาสการแข่งขัน PRO class          รถแข่งเบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นรถแข่งสายพันธุ์เบนท์ลี่ย์ที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้นในรูปแบบเจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยการจบการแข่งขันรายการ Total 24 Hours of Spa และ Blancpain Endurance Series ได้อย่างสง่างาม หลังจากโชคร้ายที่ต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับความเสียหายและสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดที่เกิดขึ้นในสนามและ  ต้องกลับเข้า  Pit Stops    แต่หลังจากนั้นเพียง 2 ชั่วโมง รถแข่งเบนท์ลี่ย์    คอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ทั้ง 2 คันก็สามารถกลับเข้าสู่การแข่งขันได้ พร้อมกับเริ่มต้นการแข่งขันในตำแหน่ง P6 และ P38 ตามลำดับ ธงหมากรุกโปรยสะบัดรับการเข้าเส้นชัยของรถหมายเลข 7 โดย Guy Smith, Andy Meyrick และ Steven Kane ในอันดับ P13 ในขณะที่รถเบอร์ 8 ของ Jérôme D’Ambrosio, Duncan Tappy และ Antoine Leclerc เข้าเส้นชัยในอันดับ P17 มากไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญคือการจบการแข่งขันของรถหมายเลข 7 ทำให้นักแข่งมีคะแนนแชมป์สะสมเพิ่มขึ้นในตารางคะแนนของ Endurance Series drivers ’ champions ด้วยเช่นกัน         การแข่งขัน Total 24 Hours of Spa คือการแข่งขัน 24-hour endurance race ครั้งแรกของรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ใหม่ล่าสุด หลังจากชนะการแข่งขัน Blancpain Endurance Series ถึง 2 สนามซ้อน ทางทีมงานต้องการให้รถคันนี้ได้แสดงถึงศักยภาพและประสิทธิภาพที่ไร้ขีดจำกัดต่อไป จึงส่งเข้าแข่งขันในสนาม Spa ที่โด่งดังแห่งนี้ รถแข่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ใหม่ล่าสุดคันนี้ ไม่ทำให้ผิดหวังตลอดการแข่งขันเลย รถไม่มีปัญหาทางเทคนิคหรือเครื่องยนต์ มีเพียงปัญหาเดียวคือโชคร้ายที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตของรถคันอื่นระหว่างการแข่งขัน ทำให้การแข่งขันที่ต้องหยุดลงเป็นชั่วโมง          Rolf Frech สมาชิกบอร์ดฝ่ายวิศวกรจากเบนท์ลี่ย์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันครั้งนี้ว่า: “ผมรู้สึกพอใจกับประสิทธิภาพของทีมงานในการแข่งขันช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้มาก เพราะถือเป็นครั้งแรกที่รถแข่งคอนติเนนทัล  จีที3 (Continental GT3) ได้เข้าร่วมการแข่งขันในรูปแบบ endure ที่น่าตื่นเต้น และสามารถจบการแข่งขันในครั้งนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จซึ่งต้องขอขอบคุณทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก Bentley Motorsport ของเรา พวกเราได้เก็บเกี่ยวข้อมูลเป็นอย่างมากและรู้ว่าพวกเรายังมีงานที่ต้องทำอีกมากเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่เราหวังไว้ แต่การแข่งขันครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นผลการแข่งขัน 24 hour ที่ดีและพวกเรายังสามารถพัฒนาได้อีกในอนาคต การแข่งขันรอบสุดท้ายของ Blancpain Endurance Series จะจัดขึ้นที่สนามแข่ง Nürburgring และนักแข่งรถหมายเลข 7 ยังมีสิทธิ์ในการลุ้นแชมป์จากคะแนนรวมที่สะสมได้อีก ถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จได้อย่างเหลือเชื่อในปีแรกของพวกเรา นี่คือทีมใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วิศวกรการแข่งขันจนถึงช่างเทคนิคต่างได้รับการกระตุ้นให้แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มพิกัดกันถ้วนหน้า และผมก็พร้อมแล้วที่จะเผชิญกับความท้าทายในสนามแข่ง 24-hour ครั้งต่อไป” เรื่องราวของการแข่งขัน        รถหมายเลข 7 ออกตัวในตำแหน่ง P6 และรถหมายเลข 8 ในตำแหน่ง P39 บนจุดสตาร์ท และการแข่งขันได้ถูกเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 16:30 น. นักแข่ง Guy Smith ขับรถหมายเลข 7 เป็นคันแรก หลังจากประสบปัญหาของสนามที่มีอุณหภูมิสูงจึงส่งผลให้ยางด้านหน้าร้อนจนเกินไป เป็นความท้าทายจากหลายรอบสนาม แต่ Guy ก็สามารถคงตำแหน่งที่ P9 ไว้ได้หลังจากที่เปลี่ยนผู้ขับขี่ในรอบที่ 25 โดยเขาได้ส่งต่อให้ Andy Meyrick กลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ P16 หลังจากหยุดการแข่งขันที่ Pit Stops เขาต้องชะลอรถระหว่างที่รถ Safety Car ออกมาวิ่งในรอบสนามที่ 45 หลังจากที่เขาต้องเข้า Pit Stop โดยไม่ได้วางแผนไว้ก่อน เพราะเบรกด้านขวาเกิดการเสียหายจากผลกระทบของชิ้นส่วนบางอย่างจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสนามที่ทำให้เกิดอาการล้อคล้อ แม้ว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของ Safety Car แต่การหยุดครั้งนี้ทำให้รถเบอร์ 7 ต้องเสียเวลาไปถึง 3 รอบสนาม และสามารถกลับเข้าร่วมการแข่งขันได้อีกครั้งใน P50         สนามที่เย็นขึ้นในยามค่ำคืนเหมาะกับรถแข่งมากกว่า ทำให้ผู้ขับขี่ทั้ง 3 สามารถนำรถกลับเข้าสู่อันดับที่ P13 ในเวลา 4.30 น. คือช่วงเวลาที่รถแข่งใน 9 อันดับแรกจะได้รับรางวัลจากแต่ละคลาสการแข่งขัน โดยรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) เบอร์ 7 ได้คะแนนเพิ่มเติมและขึ้นไปอยู่ในตำแหน่ง P9 เริ่มต้นเช้าวันอาทิตย์อีกครั้ง ด้วยรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) หมายเลข 7 โดยมีรถแข่งอื่นๆ อยู่ล้อมรอบ หลังจากผ่านไป 18 ชั่วโมง ได้อยู่ในตำแหน่ง P11 เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับ Splitter และต้องใช้เวลาซ่อมที่ Pit Stop นานถึง 6 นาที ถือว่าเป็นความโชคดีที่ทีมงานช่างเทคนิค M-Sport Bentley ซึ่งเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพทำให้พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะทำให้รถกลับเข้าสู่สนามอีกครั้งด้วยความรวดเร็วและไม่ให้ตำแหน่งนั้นตกไปต่ำกว่า P13           หลังจาก Steven Kane สามารถนำรถกลับมาตำแหน่ง P12 ได้นั้น โชคร้ายก็กลับเข้ามาเยือนอีกครั้ง เนื่องจากยางเกิดการรั่วซึมทำให้ต้องกลับเข้า Pit Stop เพื่อเปลี่ยนยางใหม่ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เป้าหมายคือการกลับเข้าสู่อันดับ P13 และ P9 ในคลาส PRO ให้ได้เพราะส่งผลต่อคะแนนแชมป์ด้วยเช่นกัน Guy Smith นักแข่งจากเบนท์ลี่ย์: “แม้ว่าการแข่งขันนี้จะเป็นการแข่งขันที่ยากเย็น แต่ผมก็ภูมิใจที่พวกเราประสบความสำเร็จในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ในขณะที่เราทำการทดสอบ Endurance อย่างหนักหน่วง พวกเราไม่สามารถหาสนามการทดสอบการแข่งขันที่เหมาะสมกับการทดสอบ GT3 ได้ ดังนั้นการทำให้รถทั้ง 2 คันจบการแข่งขันได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีข้อผิดพลาด ถือได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว รถทั้ง 2 คันของเราและรถหมายเลข 8 ที่อุปสรรคในชั่วโมงแรกๆ แต่พวกเราก็สามารถกลับมาได้ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเบนท์ลี่ย์ในการแข่งขันระยะไกลเช่นนี้ ผมคิดว่าพวกเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารถแข่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ของเราคือรถแข่งที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าจาก เบนท์ลี่ย์ พวกเราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากการลง สนามครั้งนี้และหวังถึงผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นในการแข่งขันครั้งต่อไป”          รถหมายเลข 8 ต้องพบอุปสรรคจากช่วงแรกของการแข่งขัน โดยมีความเสียหายเกิดขึ้นเล็กน้อยในรอบสนามที่ 2 ใช้เวลาไป 15 นาทีที่ Pit Stop เพื่อทำการซ่อมแซมซึ่งเสียไปถึง 6 รอบสนาม โดย Antoine Leclerc คือผู้ขับกลับเข้าสู่การแข่งขันอีกครั้งในอันดับที่ P61 ในรอบสนามที่ 7 ถึงอย่างไรก็ตาม นี่คือประสบการณ์ที่จะผลักดันให้นักแข่งเบนท์ลี่ย์พัฒนาขึ้น หลังจากนั้น 18 ชั่วโมง รถกลับเข้าสู่อันดับที่ดีได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอุบัติเหตุใดๆ และกลับเข้าไปสู่อันดับที่ P16 ได้อย่างสง่างาม  6 ชั่วโมง สุดท้ายของการแข่งขัน นักแข่งทั้ง 3 สามารถที่จะรักษาตำแหน่งไว้ได้ด้วยกลยุทธ์การแข่งขันที่ยอดเยี่ยม รักษาระดับได้อย่างใจเย็นและเข้า Pit Stops ด้วยความรวดเร็ว Jérôme D’Ambrosio คือผู้ขับขี่ในช่วง 3 ชั่วโมง สุดท้ายของการแข่งขัน โดยขับขี่ต่อหน้าบรรดาแฟนๆ ที่บ้านเกิดของเขาเอง หลังการแข่งขัน Jérôme ได้กล่าวไว้ว่า: “การเข้าร่วมการแข่งขันสำหรับผมนั้นรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าเป็นอย่างมาก การแข่งขัน Endurance เป็นเรื่องใหม่สำหรับผม และผมก็ไม่เคยแข่งขันช่วงกลางคืนมาก่อน ทีมงานและรถรวมถึงผู้ร่วมขับขี่ทำได้ดีเยี่ยม และมีพื้นที่มากมายให้เราพัฒนาและทำให้การแข่งขัน Spa ได้รู้ว่าพวกเราเหมาะสมกับการเข้าร่วมการแข่งขันนี้ การแข่งขันในประเทศบ้านเกิดของผมเองถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดสำหรับผม และพวกเราก็เฝ้ารอการแข่งขันสนามสุดท้ายของฤดูกาลนี้ที่ประเทศเยอรมนี ผมและ  Antoine หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะสามารถจบการแข่งขันด้วยอันดับที่สูงขึ้น” รอบการแข่งขันสุดท้ายของฤดูกาลคือการแข่งขันประมาณ 1000 กิโลเมตร ที่สนามแข่ง Nurburgring ในช่วงสุดสัปดาห์ 20-21 กันยายน ที่จะถึง และจะได้รู้กันที่นั่นว่าใครจะได้แชมป์ไปครอง ข้อความจากผู้เขียน •    คอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) สร้างขึ้นโดยทีมงานมอเตอร์สปอร์ตจากเบนท์ลี่ย์และ M-Sport ผู้นำของทีมงาน Bentley GT3 คือ Brian Gush ผู้อำนวยการฝ่ายมอเตอร์สปอร์ตจากเบนท์ลี่ย์ และ Christian Loriaux หัวหน้าวิศวกร M-Sport ซึ่ง M-Sport ก่อตั้งขึ้นในปี 1979 และในปี 1994 นั้น M-Sport สามารถชนะการแข่งขันแรลลี่ในอิตาลี โปรตุเกส และตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศอังกฤษได้สำเร็จ โดยมี  Malcolm Wilson ผู้ก่อตั้งบริษัทเป็นผู้ขับขี่เอง หลังจากปี 1996 นั้น M-Sport ยังชนะการแข่งขันอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็น Ford’s WRC campaigns รวมถึงชนะการแข่งขัน FIA World Rally Championships ในปี 2006 และ 2007 •    โครงการคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) นั้นคือการทำร่วมกับ ExxonMobil ผู้ให้การสนับสนุนหลัก ซึ่ง ExxonMobil ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในวงการมอเตอร์สปอร์ตที่มากมาย ช่วยทำให้เบนท์ลี่ย์สามารถนำตำแหน่งแช้มป์กลับบ้านได้อีกครั้งเครื่องยนต์รถแข่ง V8 จากเบนท์ลี่ย์จะใช้น้ำมันเครื่อง Mobil 1™ synthetic motor oil เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเครื่องยนต์จะได้รับการปกป้องอย่างที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแข่งขัน Endurance นี้ •    เบนท์ลี่ย์เปิดตัวคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ให้เป็นรถที่ทรงพละกำลังที่สุดในปี 2002 โดยมี Breitling เข้ามาสนับสนุนเพื่อเพิ่มความหรูหราและสัมผัสความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น ด้วยการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับรูปลักษณ์ของหน้าปัดรถ และด้วยนาฬิกาที่ประดับอยู่บนแผงหน้ารถ ไม่เพียงเท่านี้ Brietling กลับมาเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลักของโครงการ Continental GT3 อีกครั้งหลังจากเคยเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขัน Le Mans ช่วงปี 2001 ถึง 2003 มาแล้ว •    คอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ยังได้รับการสนับสนุนจากชุดเครื่องเสียงชั้นนำระดับโลกจากอังกฤษอย่าง  Naim ด้วยเช่นกัน โดยทั้งเบนท์ลี่ย์ และ Naim ต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกัน โดยมีหลักปรัชญาเดียวกันนั่นคือ การสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ทั้ง 2    แบรนด์ต่างภูมิใจที่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์จากประเทศอังกฤษและนำเสนอสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของพวกเขา ทีมงานของ Naim ต่างเป็นทีมงานวิศวกรระดับโลก และเป็นนักออกแบบที่เปี่ยมไปด้วยความหลงใหลและรักในเสียงเพลง ทำให้พวกเขากลายมาเป็นผู้มอบเสียงที่มีความไพเราะเสนาะหูและยังมีชื่อเสียงระดับโลกจนถึงวันนี้ •    สำนักงานใหญ่ของเบนท์ลี่ย์อยู่ที่เมือง Crewe โดยเป็นที่ตั้งของทีมออกแบบ ทีม R&D ทีมวิศวกรและเป็นสถานที่ใช้ในการผลิตรถยนต์เบนท์ลี่ย์ การใช้งานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมเข้ามาผสมผสานนั้นได้ถูกถ่ายทอดเข้าสู่รุ่นต่อรุ่น พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญทางทักษะของวิศวกรและเทคโนโลยีชั้นนำคือความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่หรูหราอย่าง เบนท์ลี่ย์ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่เป็นโรงงานผลิตรถยนต์คุณภาพสูงของอังกฤษซึ่งมีพนักงานถึง 3,700 ที่เมือง Crewe เลยทีเดียว