|
![]() กลไกสมองกับการนอนหลับ - การนอนหลับให้สนิทควรนอนในห้องนอนที่มืด เนื่องจากจะทำให้เซลล์จอประสาทตา(retina) ส่งข้อมูลไปที่สมองส่วนไฮโปธาลามัส ซึ่งเป็นที่สร้างสารเมโทนิน ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายลดลง และเกิดอาการง่วงนอน - ระยะการนอนหลับ การนอนหลับมีระยะที่แตกต่างกันเกิดขึ้นสลับไปมา ตลอดคืนเป็นวงจร - การนอนหลับจะเริ่มด้วยการหลับแบบที่ไม่มีการกลอกตาอย่างรวดเร็วก่อนเสมอ การนอนหลับช่วงนี้ยังแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 เป็นระยะที่ยังหลับไม่ลึก แล้วจึงจะเข้าสู่ระยะที่ 3 และ 4 เป็นระยะที่หลับลึก หลับสนิท ถูกปลุกให้ตื่นยากที่สุด ร่างกายจะไม่เคลื่อนไหว - หลังจากนอนหลับสนิทภายใน 90 นาที จะเป็นการนอนหลับระยะพิเศษ คือ การนอนหลับที่มีการกลอกตาหรือสะบัดของดวงตาอย่างรวดเร็ว คลื่นสมองในช่วงนี้จะกลับไปคล้ายกับตอนตื่นและเป็นช่วงหลับฝัน โดยระยะนี้จะเกิดขึ้นเสมอ 4-6 ครั้ง/คืน ความสำคัญของการนอน - มนุษย์ทุกคนมีนาฬิกานอน คอยปรับเวลาในการนอน ในวงจรการนอน-ตื่น มีสารสื่อประสาทสำคัญหลายตัว คอยควบคุมการนอน-การตื่น การนอนยังขึ้นกับแสง และฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย ความรู้เหล่านี้ช่วยในการแก้ไขปัญหาการนอนไม่หลับได้ดีขึ้น - การนอนหลับสนิทเพียงพอจะทำให้รู้สึกสดชื่น ปฎิบัติชีวิตประจำวันได้ดี เพราะการนอนหลับจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย จิตใจ และสมองได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีขึ้น ดังนั้นเราควรนอนหลับให้เพียงพอและต่อเนื่องในแต่ละคืน โดยแต่ละคนต้องการชั่วโมงการนอนหลับไม่เท่ากัน โดยสามารถสังเกตุได้จากว่า เราใช้เวลาในการนอนกี่ชั่วโมง ในแต่ละวันที่ทำให้ตื่นเช้าแล้วรู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง ไม่ง่วงนอนในตอนกลางวัน ก็ถือว่านอนหลับได้เพียงพอแล้ว โดยเฉลี่ยวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ควรนอนประมาณ 7-9 ชม./วัน การนอนจะเริ่มลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ส่วนเด็กแรกเกิดจนถึง 1 ขวบ ควรนอนประมาณ 14-15 ชม. /วัน - ผู้ที่นอนน้อยกว่า 5- 6 ชม. มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากกว่าผู้ที่นอนหลับเพียงพอปกติ 7 ชม.ถึง 2 เท่า เพราะการอดนอนทำให้การทำงานของฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลผิดปกติไป - คนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม./คืน หรือ มากกว่า 10 ชม./คืน เป็นประจำ มีอายุสั้นกว่าคนปกติ ชนิดของการนอนไม่หลับ 1. การนอนไม่หลับแบบชั่วคราว หมายถึงการนอนไม่หลับติดต่อกันหลายวัน แต่ไม่ถึงหลายสัปดาห์ มักเกิดจาก มีสถานการณ์ที่ต้องเครียด วิตกกังวลแบบฉับพลัน เช่น มีปัญหากับที่ทำงาน เจ็บป่วยรุนแรง สูญเสียคนรักหรือของที่รัก เป็นต้น กรณีนี้สามารถใช้ยานอนหลับหรือยาคลายกังวลช่วยในระยะสั้นๆได้ เมื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวได้ ก็จะกลับมานอนหลับปกติได้เหมือนเดิม 2. การนอนไม่หลับแบบระยะๆ เป็นการนอนไม่หลับที่เกิดต่อเนื่องจากกลุ่มที่1 เนื่องจากเหตุการณ์ที่ทำให้นอนไม่หลับ ยังไม่สามารถแก้ไขได้ถาวร เช่น อาจมีปัญหาเศรษฐกิจ เงินทอง ตกงาน หรือปัญหาครอบครัว ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาสั้นๆ กลุ่มนี้จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางป้องกัน และรักษาภาวะการนอนไม่หลับไม่ให้เกิดเป็นปัญหาเรื้องรังต่อไป 3. การนอนไม่หลับแบบเรื้อรัง เป็นการนอนไม่หลับที่เกิดขึ้นติดต่อกันนานมากกว่า 3 สัปดาห์ สาเหตุที่เกิดอาการค่อนข้างซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแต่เครียดหรือวิตกกังวล แล้วนอนไม่หลับเท่านั้น ควรดูสาเหตุอื่นๆ ทั้งโรคทางกาย เช่น มีภาวะนอนกรน หรือ หยุดหายใจขณะหลับ หรือ มีโรคทางจิตเวช เช่น ภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล ภาวะพิษสุราเรื้อรังร่วมด้วยหรือไม่ การรักษาจึงต้องเป็นแบบบูรณาการ คือ รักษาที่สาเหตุ, ฝึกให้มีสุขอนามัยการนอนและพฤติกรรมที่ดีในการนอนร่วมกันไปด้วย สุขบัญญัติการนอนหลับที่ดี 10 ประการ เป็นแนวทางเบื้องต้นในการปฏิบัติตัวเพื่อสุขภาพการนอนที่ดี มีดังนี้ 1. เข้านอนเมื่อร่างกายพร้อมที่จะนอน คือเมื่อรู้สึกง่วง และไม่ได้อยู่ในภาวะตึงเครียด 2. มีช่วงเวลาผ่อนคลายร่างกายและจิตใจก่อนนอน เช่น การอาบน้ำอุ่น การเดินเบาๆไปมา หรือการนั่งสมาธิ ไม่ควรทำกิจกรรมที่กระตุ้นร่างกายและสมองไปจนถึงเวลาเข้านอน 3. หลีกเลี่ยง กาแฟ แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นระบบประสาททุกชนิด 4-6 ชม. ก่อนเวลาเข้านอน 4. งดการสูบบุหรี่ช่วงใกล้เวลานอนหลับ หรือช่วงกลางดึก 5. ควรระมัดระวังเรื่องการใช้ยานอนหลับด้วยตัวเอง เพราะการใช้ยานอนหลับอย่างต่อเนื่องนั้นมีผลรบกวนต่อการนอนหลับของเราเอง 6. ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆก่อนเข้านอน แต่ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอในตอนเช้า หรือในช่วงเย็น 7. ถ้านอนไม่หลับ ไม่ควรบังคับตัวเองให้หลับ ควรลุกจากเตียงทำกิจกรรมเบาๆ ที่ผ่อนคลายนอกเตียงนอนและห้องนอน แล้วกลับมานอนใหม่ เมื่อรู้สึกพร้อมที่จะนอนหรือรู้สึกง่วง โดยในช่วงแรก ๆ อาจต้องฝึกทำซ้ำหลายครั้งต่อคืน 8. ควรเข้านอนให้เป็นเวลา ไม่ควรนอนดึกมาก เช่น เวลาประมาณ 21.00- 23.00 น. ควรเข้านอนและทำให้เป็นนิสัย และพยายามตื่นนอนให้เป็นเวลาทุกวัน รวมทั้งช่วงวันหยุดด้วย 9. หลีกเลี่ยงการงีบหลับในช่วงกลางวัน ถ้าง่วงมากก็ไม่ควรหลับนานเกิน 1 ชม. และไม่ควรงีบหลับหลัง 15.00 น. เพราะอาจมีผลต่อการนอนหลับในคืนนั้นได้ 10. จัดสภาพห้องนอนให้เหมาะสมกับการนอน คือ ห้องนอน ควรจะมืดไม่ร้อนและไม่มีเสียงดังรบกวน ![]() เรียบเรียงโดย: ฝ่ายการแพทย์เอไอเอ ที่มา : http://www.bangkokhealth.com : http://www.sleepgroup.com : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ |
| เรื่องอื่นๆ ในหมวด |
![]() |
บริษัท เอชิ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร VEO สตาร์ทสุดแรง 3 เดือนทะลุ 50 ล้าน มุ่งขึ้นเบอร์ 1 อาหารเสริมตลาดออนไลน์ อชิรญา หาญพัฒนภูมิ สาวน้อยนักธุรกิจนำทัพนักขาย ดึง เบน ชลาทิศ เป็น Presenter กล้า ท้าลอง .. |
![]() |
“ปริญ” ชาโคลเซรั่ม บำรุงผม ขึ้นแท่นยอดขายอันดับ 1 ของไทย พร้อมสร้างตัวแทนจำหน่ายต่างประเทศขยายตลาดสู่สากล .. |
![]() |
โอเอซิสสปาร่วมกิจกรรมส่งรถขบวนบุปผชาติงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 41 ประจำปี 2560 .. |
![]() |
จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าแบรนด์ SENKA (เซนกะ) ครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2555 ภายใต้บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด.. |
| ทั้งหมด -»» |
|
|
แสดงผลได้กับ IE9+/Firefox/Chrome 1440*900 resolutions. ©2013 carshowsociety.com Web Creative Design by Qisza.com |
789/4 ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 8 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320 มือถือ : 08-4659-4999 |