หากย้อนกลับในอดีตการตกแต่งรถยนต์ให้ออกมาในรูปแบบฉีกแหวกแนวจะเป็นที่นิยมกันมากประเภทหลุดไปในอวกาศ แต่มาในยุคนี้ดูจะไม่ค่อยมีให้เห็นมากนักนาน ๆ จะเจอสักคัน เพราะการจับรถมาแปลงโฉมให้แปลกตานั้นเป็นงานดีไซน์เฉพาะตัวที่ต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณไม่น้อย เพื่อให้ออกมาสะใจในอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะเผยไต๋ออกมาเท่ได้ ซึ่งกระบะมาสด้า ไฟท์เตอร์ ที่นำมาอวดกันนี้ดูไปแล้วเป็นรถโชว์ของสำนักแต่ง FREE STYLE ที่ไว้สำหรับออกงานโดยเฉพาะ เพราะแค่หน้าตาก็ชักชวนให้คนหันมามองได้แล้วกับโฉมหน้าของบีเอ็มดับบลิว ซีรีส์ 3 พร้อมปรับแต่งใส่ชุดบอดี้พาร์ทรอบคัน และสลับขุมพลังความแรงมาเล่น 1JZ –GTE สามารถตอบสนองได้ทันใจขึ้น ที่สำคัญหนักแน่นด้วยพลังเสียงที่ตีตู้จนเต็มกระบะท้ายอัดยัดลำโพงนับดอกไม่ถ้วน
เล่นสีเอฟเฟคแปลงโฉมหน้าซีรีส์ 3
ดีไซน์กันชนเสริมลิ้นหน้าเคฟลาร์
แรกเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้ามาสด้า ไฟท์เตอร์คันนี้เล่นละเลงสีให้ไม่ซ้ำใครมาในแบบสีเอฟเฟคให้สีได้หลากหลายตามแสงที่มากระทบ พร้อมกันได้ปรับหน้าตาเสียใหม่เพราะเป็นรถกระบะรุ่นเก่าที่ว่าไปแล้วอาจดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ แต่เมื่อจับมาศัลยกรรมใหม่ด้วยการเปลี่ยนหน้าตามาเป็น BMW SERIES 3 ซึ่งเป็นรถหรูดูดีมีระดับ จึงสามารถขยับเพิ่มดีกรีขึ้นมาได้และ ทำให้กลายเป็นกระบะหน้าตาดีไปโดยปริยาย
แต่งานนี้ก็ต้องยอมเปลี่ยนทั้งไฟหน้าที่มาในสไตล์โปรเจคเตอร์แบบ 2 ดวงที่ฝังอยู่โคมเดียวกัน พร้อมกับแก้มข้างซ้าย-ขวา และฝากระโปรงหน้า รวมไปถึงกระจังหน้าทรงไตคู่เอกลักษณ์ของบีเอ็มฯ ทั้งนี้เพื่อให้ชิ้นส่วนสามารถที่จะสอดรับกันได้อย่างลงตัวและที่ฝากระโปรงหน้าก็ออกแบบให้มีช่องระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ด้วย
ส่วนที่กันชนหน้าที่ดีไซน์ใหม่ให้ดุดันกว่าเดิม โดยช่องดักลมตรงกลางมาในทรงสี่เหลี่ยม ที่เผยให้เห็นอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่พอเหมาะ พร้อมกับเจาะช่องด้านข้างอีกข้าง ๆสองช่องเพื่อฝังไฟสปอร์ตไลท์ทรงกลมตามสไตล์ของรถเรซซิ่ง ขณะที่ลิ้นหน้าที่เสริมเข้าไปนั้นได้หล่อขึ้นมาด้วยเคฟลาร์ ท้าทายสายตาได้อย่างดี และยังมีก้านสแตนเลสดึงยึดไว้อีกที
ติดโปร่งข้างลงล้อลายแปลก
อินเทรนด์แปลงประตูกาลวิง
แต่เมื่อดูด้านข้างได้ติดโปร่งข้างล้อที่มีลูกเล่น โดยได้เจาะเป็นแบบสองช่องเพื่อระบายความร้อนจากระบบเบรก เพื่อให้สามารถครอบคลุมล้อแม็กโครเมี่ยมลายแปลก ขนาดขอบ 18 นิ้ว ซึ่งแค่เห็นแต่ไกลก็สะดุดตาแล้ว เพราะเป็นงานดีไซน์เฉพาะตัวออกมาในแนวคล้ายครีบปลา ควบคู่กับยางหน้ากว้างแก้มเตี้ยเพื่อช่วยให้เกาะถนนดียิ่งขึ้น และยังแนบด้วยสเกิร์ตข้างที่ออกแบบให้เข้ากับสไตล์ของรถ
ตามมาด้วยกระจกมองข้างที่ปรับเป็นของ GARNADOR เพื่อให้ดูสปอร์ตมากขึ้น แต่ที่เหนือกว่านั้นเห็นจะเป็นประตูที่เล่นดัดแปลงให้กลายมาเป็นแบบกาลวิง หรือประตูกรรไกร ที่เวลานี้อินเทรนด์กันสุด ๆ ใครตกแต่งสไตล์นี้ถือว่าไม่เอาท์ ซึ่งการทำประตูแบบนี้จะต้องทำจากผู้ชำนาญมีประสบการณ์ โดยใช้โช้คเข้ามาช่วยในการยืดตัว เพราะเวลาเปิดประตูจะต้องยกขึ้น และกดประตูลงถึงจะปิดได้สนิท สุดท้ายที่กันชนหลังได้ติดตั้งเฉพาะขอบด้านข้างทำเป็นแอ่งเว้าและขอบสัน
ขุมพลังแรงจริงจาก 1JZ –GTE
ปรับแต่งภายในห้องเครื่องพอตัว
เดิมทีเครื่องยนต์ติดรถของมาสด้า ไฟเตอร์ แน่นอนว่าเป็นเครื่องดีเซลขนาด 2500 ซีซี. จึงให้สมรรถนะในการออกตัวค่อนข้างอืดเกินไป ไม่ทันใจในความเป็นกระบะแต่ง ซึ่งทางออกก็เลยต้องไปคว้าเอาบล็อกเครื่องเบนซินยอดฮิตของโตโยต้าในตระกูลเจแบบ 6 สูบเรียง รหัส 1JZ –GTE ขนาด 2500 ซีซี. DOHC 24 วาล์ว พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่สามารถให้พลังม้าได้สูงสุดถึง 280 ตัวที่ 6200 รอบ/นาที พร้อมกับแรงบิดไว้สำหรับออกตัวกระชากที่ 37 กก.-ม.ที่ 4800 รอบ/นาที
สำหรับการจัดวางเครื่องยนต์สามารถติดตั้งลงได้พอดีไม่ต้องระเบิดห้องเครื่องให้เสียรถอาศัยแค่สร้างแท่นเครื่องกับแท่นเกียร์ขึ้นมาใหม่และวางให้ได้เซนเตอร์ พร้อมกับตัดต่อเพลากลางต่อมาได้มีการปรับแต่งชิ้นส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นท่อทางเดินอากาศที่สั่งทำใหม่หมดมีการดัดโค้งตัดต่อหลายชิ้นกับกรองเปลือยของ HERRICAN และเปลี่ยนท่อน้ำเป็นสายถักสแตนเลส พร้อมติดแผ่นบังลมของ ARC ที่ติดอยู่เหนือหม้อน้ำไว้เพื่อบังคับทิศทางลม และติดหม้อพักน้ำสแตนเลส แถมถังพักไอน้ำมันเครื่องของ SARB
ส่วนด้านความสวยงามได้ทำฝาครอบเครื่องที่เล่นสีแบบเดียวกับตัวรถ กับฝาครอบเฟืองแคมสไลด์ที่ทำเป็นเคฟลาร์เหลือง ขณะที่หม้อลมเบรก กับไดเออร์กันความชื้นในระบบแอร์ได้เปลี่ยนเป็นสีชมพู และยังแต่งฝาน้ำมันเครื่อง รวมไปถึงฝาหม้อพักน้ำ กับฝาหม้อน้ำเป็นของ KEVLAR -1 ทั้งคู่
ตกแต่งภายในดีไซน์เฉพาะตัว
พลังเสียงหนักแน่นเต็มสตรีม
ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งแบบจำสภาพเดิมไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นคอนโซลก็ทำการหล่อไฟเบอร์กลาสขึ้นมาใหม่ พร้อมกับฝังเกจวัดในคอนโซลหน้าที่บริเวณฝั่งซ้ายจำนวน 6 ตัวเป็นของ DIFI รุ่นหน้ามืดที่มีทั้งเกจวัด WATER TEMP ,เกจวัด FULE PRESS ,เกจวัด OIL TEMP เกจวัด OIL PRESS เกจวัด EXT TEMP และ เกจวัด TURBO แถมเกจวัดรอบใหญ่ของ PIVOT ส่วนพวงมาลัยเป็นของ T-HORN R ที่มีลายหนังแบบคาร์บอนสลับกับสีแดงคู่กับหัวเกียร์ของ GREEDY และเบาะนั่งเป็นของ RECARO รัดด้วยสายเข็มขัด TRW SABELT แบบ 4 จุด
สำหรับเครื่องเสียงนั้นได้ติดตั้งชุดใหญ่ไว้สำหรับโชว์ เริ่มด้วยการติดตั้งฟรอนเอนด์จำนวน 2 ตัว คู่กับซีดีเชนเจอร์ของ JVC ปรับแต่งด้วยอีควอไลเซอร์ของ KARSTART จำนวน 2 ตัว และปลีแอมป์ของ CONTROL ส่วนพาวเวอร์แอมป์ของ KARSTART รุ่น S700 จำนวน 4 ตัว และที่พนังพิงแค๊ปได้ฝังลำโพงของ BCK จำนวน 4 ตัว และที่เพดานเป็นแบบไฟเบอร์กลาส โดยออกแบบเป็นช่องกลม 3 ช่องเพื่อเล่นแสงสีแบบฟ้าแล๊ป รวมไปถึงไฟแอลอีดีสลับสี
และที่กระบะท้ายได้ตีตู้สูตรขึ้นมาเต็มพื้นที่ ซึ่งได้ยัดลำโพงซับวูฟเฟอร์ขนาดใหญ่ประมาณ 18 นิ้วของ BCK SUPER SUBWOOFER จำนวน 6 ตัว และที่ขอบตู้ได้ติดลำโพงแบบฝาแมงมุมข้างละ 5 ตัว กับทวิตเตอร์ 4 ตัว และจอมอนิเตอร์ขนาดเล็ก ส่วนที่บริเวณฝาท้ายกระบะได้ฝังลำโพงของ DRAGON COMBAT 6 ตัว กับทวิตเตอร์ 4 ตัว พร้อมจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 15 นิ้ว และไฟนีออน
แม้จะเป็นเพียงรถกระบะแต่มาสด้า ไฟเตอร์ก็กล้าที่จะฉีกแนวเปลี่ยนหน้าตาให้ดูหล่อขึ้น ทั้งนี้เพื่อต้องการให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร ที่สำคัญสามารถดึงดูดให้มาสัมผัสกับพลังเสียงที่พร้อมจะโชว์ได้ทุกเมื่อ *-*