หน้าแรก » รีวิวรถ/Review -TestDrive » ASTON MARTIN » Aston Martin Rapide S เพิ่มความเร้าใจกับขุมพลังที่มีความร้อน... |
23-กุมภาพันธ์ | 3165 |
|
ถ้าจะให้นับแล้ว ราปิดถือเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดในการทำตลาดรถสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ที่ทั้งแรงและหรู โดยสมัยนั้นแอสตัน มาร์ติน ซึ่งยังอยู่ในเครือฟอร์ดได้เปิดตัวต้นแบบชื่อเดียวกันนี้ออกมาเมื่อปี 2006 แต่สุดท้ายกว่าจะผลิตออกมาได้ ก็ต้องรอกันนานจนถึงปี 2009 เพราะในช่วงนั้นฟอร์ดก็ยวบยาบเพราะปัญหาขาดทุนสะสม และแอสตัน มาร์ตินเองก็มีอนาคตไม่แน่นอนเนื่องจากมีข่าวว่ากำลังจะถูกขายกิจการออกจากเครือฟอร์ด สำหรับเวอร์ชันเอสเป็นการเปิดตัวตามหลังการเปิดตัวรุ่นธรรมดาร่วม 3 ปี โดยมีไฮไลท์เด่นอยู่ที่เครื่องยนต์วี12 6,000 ซีซี ในรหัส AM11 ที่ได้รับการอัพเกรดความเร้าใจจากตัวเลขในระดับ 400 แรงม้ากลางๆ มาอยู่ในระดับ 550 แรงม้า ที่ 6,750 รอบ/นาที หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 17% เมื่อเปรียบเทียบกับของเดิม ขณะที่แรงบิดสูงสุดขยับจาก 61.1 กก.-ม. มาเป็น 63.2 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที ผลลัพธ์ที่ได้จากแรงม้าที่เพิ่มขึ้นคือ อัตราเร่งที่ดีขึ้นถึง 0.3 วินาทีเมื่อดูจากการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียง 4.9 วินาทีเท่านั้น ส่วนความเร็วปลายอยู่ในระดับ 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้จะได้รับการพัฒนาโดยหน่วยงานด้านมอเตอร์สปอร์ตอย่าง Aston Martin Racing แต่เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานบนท้องถนนก็ต้องมีความสนใจต่อเรื่องของการปล่อยก๊าซ Co2 และความประหยัดน้ำมัน และที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก คือ เวอร์ชันเอส แม้ว่าจะมีแรงม้ามากกว่ารุ่นธรรมดา แต่ระดับการปล่อยก๊าซ Co2 ลดลงจาก 355 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรมาอยู่ที่ 332 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจากการทดสอบตามโหมดของ EU อยู่ที่ 19.9 ไมล์/แกลลอน หรือ 8.1 กิโลเมตร/ลิตร ในการขับแบบผสมผสาน นอกจากเครื่องยนต์แล้วในแง่อื่นๆ ก็มีการปรับปรุงด้วยเช่นกัน และอย่าคิดว่าเวอร์ชันเอสเป็นแค่การเพิ่มความแรงจากรุ่นปกติ เพราะตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ในรุ่นนี้ก็ลดลงจากรุ่นปกติอีก 19 มม. เพื่อประสิทธิภาพในการทรงตัว และการทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ขณะที่ระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้ หรือ ADS-Adaptive Damping System ก็สามารถเลือกปรับค่าความหนืดของโช้กอัพให้สอดคล้องกับการขับขี่ โดยเลือกได้ 3 แบบ คือ Normal, Sport และ Track สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกก็มีการปรับปรุงจากรุ่นปกติอยู่พอสมควร ทั้งกระจังหน้าแบบใหม่เป็นลายตะแกรงซี่ถี่ๆ รวมถึงล้อแม็กลายใหม่ และมีชุดแต่งที่เป็น Carbon Exterior Package ให้กับลูกค้าได้เลือกใช้บริการเสริมหล่อด้วยสเกิร์ตคาร์บอนรอบคัน ใครที่สนใจก็รีบเตรียมเงินไว้เลย (แต่ยังไม่บอกว่าราคาเท่าไร คาดว่าน่าจะเกิน 200,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 6 ล้านบาทมาอีกนิดหน่อย) เพราะการทำตลาดจะมีขึ้นใน 146 ดีลเลอร์ของแอสตัน มาร์ตินทั่วโลกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้ |
เรื่องอื่นๆ ในหมวด |
New Audi A7 Sportback 2018 ใหม่
|
Mercedes-Benz SLC In March 2016, 20 years on from the birth of its segment.. |
Mercedes-Benz SLC43 AMG There need be no contradiction between high driving dynamics and low fuel consumption... |
Mercedes-Benz S600 Pullman Maybach Guard The absolute flagship model from Mercedes-Maybach with face-to-face.. |
TRA สถาบันสอนขับรถแข่ง ที่กล้ายืนยัน ว่าดีที่สุดในเมืองไทย TRA สถาบันสอนขับรถแข่ง ที่กล้ายืนยัน ว่าดีที่สุดในเมืองไทย.. |
ทั้งหมด -»» |
|
แสดงผลได้กับ IE9+/Firefox/Chrome 1440*900 resolutions. ©2013 carshowsociety.com Web Creative Design by Qisza.com |
789/4 ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 8 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320 มือถือ : 08-4659-4999 |