ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
Home Car Show Super Car & Import Car Off Road Car Stereo Eenergy Business Wheel & Tires Classifieds Webboard
Sport World Home & Condo Motor Cycle Cycle Bike Review & TestDrive Classic Car Motor Sport Pretty Show Sexy Lady Society News





เปิดตัวครั้งแรกของโลก ยนตกรรมต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 4 ที่นั่งจาก ปอร์เช่ Porsche Mission E
หน้าแรก » รีวิวรถ/Review -TestDrive » PORSCHE » เปิดตัวครั้งแรกของโลก ยนตกรรมต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 4 ที่นั่งจาก...

26-กันยายน  |   1594





เปิดตัวครั้งแรกของโลก ยนตกรรมต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 4 ที่นั่งจาก ปอร์เช่

Porsche Mission E: พละกำลัง 600 แรงม้า, สามารถขับเคลื่อนได้สูงสุดถึง 500 กิโลเมตร, ระยะเวลาการชาร์จไฟเพียง 15 นาที

สตุ๊ดการ์ท.      ปอร์เช่ เปิดตัว Mission E ภูมิใจเสนอ ยนตกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 4 ที่นั่งคันแรกในประวัติศาสตร์รถยนต์ปอร์เช่ ณ งาน IAA International Motor Show เมืองแฟรงค์เฟิร์ต รถยนต์ต้นแบบคันนี้สรรสร้างจากการผสมผสานระหว่าง ปรัชญาการออกแบบชั้นสูงของปอร์เช่ กับสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมผ่านระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าขนาด 800 โวลต์ หัวใจหลักของรถสปอร์ต 4 ประตู 4 ที่นั่ง ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้า 440 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ด้วยระยะทางสูงสุดกว่า 500 กิโลเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนและระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ ( All-wheel drive and all-wheel steering) อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า 3.5 วินาที และสามารถชาร์จพลังไฟฟ้ากลับได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น อุปกรณ์ภายในควบคุมโดยเทคโนโลยี จับการเคลื่อนไหวของสายตา (Eye tracking) และ ระบบสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว (Gesture control) นอกจากนี้ยังมีระบบ Holograms ปรับหน้าจอให้สัมพันธ์กับตำแหน่งของผู้ขับขี่โดยอัตโนมัติ



พละกำลัง: สูงสุดกว่า 600 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่ง      ต้นกำเนิดพละกำลังของ Mission E อยู่ภายใต้หลักการพัฒนาของปอร์เช่ ซึ่งได้รับการพิสูจน์จากสนามแข่ง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนแบบ Permanent magnet synchronous motors (PMSM) ได้รับการติดตั้งเช่นเดียวกับในรถแข่ง 919 ไฮบริด (919 hybrid) ผู้ชนะจากรายการ Le Mans โดยมอเตอร์ดังกล่าวทำหน้าที่ขับเคลื่อนและประจุพลังงานคืนกลับให้แก่รถ ซึ่งผ่านการทดสอบจากรถยนต์ปอร์เช่ ด้วยสมรรถนะสูงสุดตลอด 24 ชั่วโมงของการแข่งขัน สามารถคว้าชัยในตำแหน่งชนะเลิศ ที่ 1 และ 2 เมื่อจบการแข่งขัน ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนทั้งสองผลิตกำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้า ส่งผลให้ Mission E มีอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ไปยังความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาเพียง 3.5 วินาที และต่อเนื่องไปยังความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลา 12 วินาที นอกเหนือจากประสิทธิภาพการทำงานและพละกำลัง ยังมอบความล้ำหน้ายิ่งกว่าระบบขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนโดยไฟฟ้า จากความสามารถในการถ่ายทอดกำลังสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง ในสภาวะการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เหนือชั้นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อม Porsche Torque Vectoring ซึ่งทำหน้าที่กระจายแรงบิดที่เหมาะสมไปยังทั้ง 4 ล้ออย่างอิสระ เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้นผิวถนน และระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ ที่ให้ความแม่นยำในการควบคุมพวงมาลัย ทั้งหมดนี้สรรสร้างให้ Mission E โลดแล่นไปบนสนามแข่งได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถทำเวลาต่อหนึ่งรอบ ณ สนาม Nürburgring Nordschleife ต่ำกว่า 8 นาที



รถสปอร์ตใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน: ความเร็วและความสะดวกสบายในการชาร์จไฟ, สามารถขับเคลื่อนได้สูงสุดถึง 500 กิโลเมตร
ไม่เพียงคงไว้ซึ่งความเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของปอร์เช่ แต่ยังคำนึงถึงการใช้งานในชีวิตประจำวัน Mission E สามารถขับเคลื่อนด้วยระยะทางสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร โดยการชาร์จไฟเต็มเพียงหนึ่งครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นสามารถขับเคลื่อนถึง 400 กิโลเมตร ด้วยการชาร์จไฟเพียง 15 นาทีเท่านั้น ความสะดวกสบายเหล่านี้เกิดขึ้นจากนวัตกรรมระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าขนาด 800 โวลต์ ของปอร์เช่ ให้แรงเคลื่อนไฟฟ้าเป็นทวีคูณเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนขนาด 400 โวลต์ ความเหนือชั้นดังกล่าวทำให้เกิดข้อได้เปรียบมากมาย ได้แก่ ระยะเวลาในการชาร์จไฟสั้นลง น้ำหนักโดยรวมลดลง อันเนื่องมาจากใช้สายไฟน้อยลงในการถ่ายทอดพลังงาน ชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ด้านหน้าของประตูรถฝั่งซ้ายสามารถเลื่อนเปิด/ปิดได้ เป็นตำแหน่งติดตั้งจุดชาร์จไฟของระบบ “Porsche Turbo Charging” ผ่านจุดเชื่อมต่อสำหรับแรงเคลื่อนไฟฟ้า 800 โวลต์ ทำให้สามารถประจุไฟฟ้ากลับไปยังแบตเตอรี่ได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ด้วยระยะเวลาเพียง 15 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ถือเป็นสถิติของรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกในการชาร์จไฟด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อกับสถานีชาร์จขนาด 400 โวลต์ หรือเลือกวิธีการชาร์จไฟอันแสนสะดวกสบายภายในโรงรถที่บ้าน ด้วยระบบชาร์จไร้สายแบบเหนี่ยวนำ เพียงจอดรถบนพื้น ที่ติดตั้งระบบดังกล่าว รถยนต์จะได้รับการชาร์จไฟผ่านใต้ท้องรถโดยไม่ต้องติดตั้งสายชาร์จแต่อย่างใด


จุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อที่สุดของประสิทธิภาพการขับขี่
พื้นฐานการพัฒนารถสปอร์ตของปอร์เช่ ให้ความสำคัญต่อการกระจายน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้รถยนต์มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ แบตเตอรี่แบบ lithium-ion ได้รับการติดตั้งไว้กับพื้นตัวถังรถด้วยเทคโนโลยีล่าสุด วางตามแนวความยาวระหว่างแกนล้อหน้าและแกนล้อหลัง กระจายน้ำหนักไปยังแกนล้อทั้งคู่อย่างเป็นสม่ำเสมอ สร้างความสมดุลย์ให้กับตัวรถ ส่งผลให้เกิดจุดศูนย์ถ่วงต่ำสุด เพิ่มประสิทธิภาพและการตอบสนองในการบังคับควบคุมแบบสปอร์ต ตัวถังผลิตจากการผสมผสานของวัสดุ อลูมิเนียม เหล็กและคาร์บอน ไฟเบอร์เสริมแรงด้วยโพลิเมอร์ โดยล้อคู่หน้าขนาด 21 นิ้วและคู่หลังขนาด 22 นิ้วของ Mission E ได้รับการผลิตจากวัสดุคาร์บอน


การออกแบบ: สายพันธุ์รถสปอร์ตอันน่าหลงใหลจากปอร์เช่
ทุกตารางนิ้ว ทุกองศา ทุกมุมมอง ของ Mission E สะท้อนสิ่งเดียวที่อยู่เหนือทุกอย่าง นั่นคือความเป็นรถสปอร์ตอันเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของการออกแบบรถยนต์ปอร์เช่ จุดเริ่มต้นของการรังสรรค์สปอร์ตซาลูน ที่มีความสูงเพียงแค่ 130 เซนติเมตร เกิดขึ้นที่ Zuffenhausen ที่ซึ่งให้กำเนิดตัวตนของนวัตกรรม จากการผสมผสานของอากาศพลศาสตร์ การจัดการเส้นทางเดินของอากาศเข้า และออก ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง แบบแผนของอากาศที่ไหลผ่านตัวถังรถตั้งแต่หัวจรดท้าย ผ่านการออกแบบที่เน้นสมรรถนะและประสิทธิภาพ ร่วมกับช่องทางอากาศที่ไหลผ่านล้อ และซุ้มล้อ ออกทางด้านข้างของตัวถังเพื่อลดแรงดันอากาศที่ไม่จำเป็น และลดแรงยกตัวที่เกิดขึ้นให้น้อยที่สุด การออกแบบที่ลดเหลี่ยมมุมด้านหน้า แสดงออกถึงความปราดเปรียวอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ปอร์เช่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรถยนต์ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder) และรถแข่งรุ่นอื่นๆ ของปอร์เช่ มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ Matrix LED ใหม่แบบ 4 ลำแสงรวมอยู่ในโคมเดียวกัน บ่งบอกความเป็นตัวตนที่ชัดเจน ช่องดักอากาศรอบคันแสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่ล้ำหน้า แนวซุมล้อและฝากระโปรงหน้าที่ต่ำเป็นการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลจากปอร์เช่ 911 (Porsche 911) และปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์เอส (Porsche 911 GT3 RS) ซึ่งได้รับการขยายความกว้างของตัวถังให้สัมพันธ์กับขอบฝากระโปรงหน้าที่ต่อเนื่องไปจนถึงแนวหลังคา แนวด้านข้างตัวถังมีความคล้ายคลึงกับ ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) แต่สิ่งหนึ่งซึ่งแตกต่างออกไปคือบานประตูทั้งสองที่เปิดออกจากกัน ส่งผลให้ปราศจากเสากลาง เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการเข้าและออกจากห้องโดยสาร และแทนที่กระจกมองข้างแบบเดิมด้วยการซ่อนกล้องมองหลังแบบเพื่อผลทางอากาศพลศาสตร์ การออกแบบส่วนท้ายรถ ยังคงแนวคิดของประติมากรรมแห่งรถสปอร์ต แนวกระจกบังลมเน้นให้เห็นถึงรูปทรงของปีกหลัง อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ปอร์เช่เท่านั้น สัญลักษณ์ “PORSCHE” แบบสามมิติเรืองแสง ถูกติดตั้งอย่างโดดเด่นตัดกับฝาครอบกระจกสีเข้ม


ภายใน: ปลอดโปร่ง ด้วยเบาะนั่งอิสระ 4 ตำแหน่ง
ภายในของ Mission E แสดงให้เห็นถึงปรัชญาการออกแบบทั้งหมดของรถยนต์ปอร์เช่ ในอนาคต ความปลอดโปร่ง ประติมากรรมที่เรียบง่าย ให้ความอบอุ่นแก่ผู้ขับขี่ในการใช้งานทุกๆ วัน แนวคิดของการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าส่งผลให้เกิดความเป็นไปได้ใหม่ของวิธีการออกแบบภายในรถยนต์ เมื่อไม่ต้องใช้พื้นที่สำหรับติดตั้งชุดเกียร์ เปิดโอกาสให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้น สร้างความปลอดโปร่ง และบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เบาะนั่งแบบ Race bucket seats น้ำหนักเบา ติดตั้งแบบอิสระทั้ง 4 ตำแหน่ง ให้ความโอบกระชับแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร คอนโซลกลางแนวโค้ง เพิ่มพื้นที่ภายใน ซึ่งติดตั้งต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกันกับคอนโซลหน้า


แผงควบคุมและแนวคิด: สัญชาตญาณ, ความรวดเร็ว และเป็นอิสระจากความไม่แน่นอน
นวัตกรรมที่เปิดสัมผัสใหม่ในการควบคุมให้แก่ผู้ขับขี่ ถูกสร้างขึ้นสำหรับยนตกรรมสปอร์ตแห่งอนาคต เส้นสายของชุดแผงควบคุมโค้งมน วางตำแหน่งติดตั้งต่ำ หน้าปัดเรือนไมล์แบบวงกลม 5 วง แสดงภาพผ่านหน้าจอด้วยเทคโนโลยี OLED บ่งบอกถึงความเป็นปอร์เช่อย่างถ่องแท้ ด้วยการทำงานของ Organic light-emitting diodes สามารถแสดงรูปแบบของชุดหน้าปัดให้สัมพันธ์กับลักษณะการขับขี่ในขณะนั้น ตามโหมดการขับขี่ทั้ง 4 โหมด คือ Performance, Drive, Energy และ Sport Chrono นวัตกรรมการควบคุมผ่านระบบ Eye-tracking ควบคุมจากสายตาผู้ขับขี่ผ่านกล้องภายในรถ ผู้ขับขี่สามารถอ่านค่าต่างๆ บนแผงหน้าปัด ด้วยการเลือกเมนูจากปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย ซึ่งจะทำงานประสานกับระบบ Eye-tracking ไม่เพียงเท่านี้ แผงควบคุมจะทำการปรับเปลี่ยนทิศทางให้มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งการนั่ง ให้ต่ำลง สูงขึ้น หรือ เอียงไปยังฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แผงควบคุมสามมิติ สามารถเปลี่ยนตำแหน่งตามมุมมองของผู้ขับขี่ เพื่อตัดปัญหาจากแผงหน้าปัดที่ถูกบดบังด้วยวงพวงมาลัย และจำกัดการมองข้อมูลในการขับขี่ที่สำคัญ เช่น ความเร็วของรถ ก็จะอยู่ในสายตาของผู้ขับขี่ตลอดเวลา
Mission E สามารถตรวจวัดความสนุกสนานในการขับขี่ กล้องที่ติดตั้งบริเวณกระจกมองหลัง ทำการตรวจสอบลักษณะของความพึงพอใจจากผู้ขับขี่ที่เกิดขึ้น และแสดงข้อมูลเป็นสัญลักษณ์ Emoticon ที่แผงหน้าปัด ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ผู้ขับขี่เกิดความพึงพอใจอันได้แก่ เส้นทาง หรือความเร็วที่ใช้ จะได้รับการเก็บบันทึกไว้ สามารถนำข้อมูลดังกล่าวแชร์ไปยัง Social media ผ่านระบบสื่อสารได้อีกด้วย


จอแสดงผล Holographic พร้อมการควบคุมด้วย Gesture control
ชุดแผงคอนโซลกลางของ Mission E เต็มไปด้วยความแปลกใหม่ โครงสร้างแบบสามมิติก่อให้เกิดความประทับใจและความรู้สึกปลอดโปร่ง คอนโซลกลางด้านบนติดตั้งจอแสดงข้อมูล ถัดมาด้วยหน้าจอ Holographic ต่อเนื่องไปจนถึงตำแหน่งผู้โดยสาร แสดงข้อมูลการทำงานของแอฟพลิเคชั่น ที่เลือกใช้งานได้โดยอิสระ ในลักษณะของภาพสามมิติ ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร สามารถใช้งานฟังก์ชั่นหลักของแอฟพลิเคชั่น ได้ด้วยระบบสั่งงานผ่านการเคลื่อนไหว โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ (Touch-free control) ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน Media, Navigation, Climate control หรือการติดต่อสื่อสารกับตัวรถ เซนเซอร์จะทำหน้าที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวและแปรสัญญาณที่ได้รับเป็นคำสั่ง นอกจากนี้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถสั่งงานฟังก์ชั่นย่อยผ่านหน้าจอสัมผัสได้เช่นเดิม
แนวคิดในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกเช่น Tablet ผ่านระบบ Porsche Car Connect ได้รับการนำมาใช้ใน Mission E ด้วยฟังก์ชั่นการสั่งงานจากภายนอก “Over the Air and Remote Services” ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ได้เพียงชั่วข้ามคืน ทำการอัพเดตข้อมูลผ่านการสื่อสารความเร็วสูง ไปยังกล่องควบคุมในรถยนต์ เช่น เพิ่มเติมฟังก์ชั่นการทำงานให้แก่ ระบบควบคุม Chassis ระบบควบคุมเครื่องยนต์ หรือ ระบบความบันเทิง Infotainment เป็นต้น ผู้ขับขี่สามารถอัพเดตข้อมูลด้วย Smartphone หรือ Tablet ผ่านทาง Porsche Connect Store ยิ่งไปกว่านั้น Porsche Connect ยังดำเนินการติดต่อสื่อสารไปยังศูนย์บริการ Porsche Centre โดยตรง ในกรณีเกิดปัญหาที่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูล (Remote diagnostics) หรือ การนัดหมายเข้ารับบริการ นอกจากนี้ยังมีระบบ Digital key ซึ่งส่งข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารของ Porsche Connect อนุมัติให้บุคคลที่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของรถ เช่น เพื่อนหรือบุคคลในครอบครัว สามารถเปิดประตูรถได้ ทั้งนี้สามารถกำหนด
ขอบเขตพื้นที่และจำกัดระยะเวลาการทำงานของ Digital key ดังกล่าวได้ตามต้องการ ภาพจากกระจกมองข้างแบบเสมือนจริงจากกล้องที่ได้รับการติดตั้งด้านข้างของตัวรถ แสดงให้ผู้ขับขี่เห็นที่มุมด้านล่างทั้งสองฝั่งของกระจกบังลมหน้า เพิ่มมุมมองของภาพและสภาพแวดล้อมตัวรถให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถแสดงข้อมูลด้านความปลอดภัยอื่นๆ ผ่านภาพดังกล่าวอีกด้วย
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can Trust ความไว้วางใจที่ให้คุณได้มากกว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา กว่า 20 ปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

Porsche Centre Bangkok PR
Public Relations and Media
ปวราภา ดุพัสกูล
Phone: +662 522 6655 ext. 448
e-mail: pawarapa@porsche.co.th
หมายเหตุ: ผู้สื่อข่าวสามารถดาวน์โหลดรูปภาพได้ที่ Porsche Press Database at
http://presse.porsche.de. สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่ Porsche News room : newsroom.porsche.com


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

 E-mail : carshowsociety@gmail.com
              : ceosociety1998@gmail.com
   Tel      : 084-659-4999
              : 099-973-9969

ทีมงาน carshowsociety ได้ประชาสัมพันธ์ข่าวให้แล้วนะคะ และช่วยกดไลค์ให้หน่อยนะคะ เพื่อเป็นกำลังใจแก่ทีมงานค่ะ
(Thank you)




   
     







        เรื่องอื่นๆ ในหมวด

New Audi A7 Sportback 2018 ใหม่

Mercedes-Benz SLC
In March 2016, 20 years on from the birth of its segment..
Mercedes-Benz SLC43 AMG
There need be no contradiction between high driving dynamics and low fuel consumption...
Mercedes-Benz S600 Pullman Maybach Guard
The absolute flagship model from Mercedes-Maybach with face-to-face..
TRA สถาบันสอนขับรถแข่ง ที่กล้ายืนยัน ว่าดีที่สุดในเมืองไทย
TRA สถาบันสอนขับรถแข่ง ที่กล้ายืนยัน ว่าดีที่สุดในเมืองไทย..
  ทั้งหมด -»»









 


แสดงผลได้กับ IE9+/Firefox/Chrome
1440*900 resolutions.

©2013 carshowsociety.com
Web Creative Design by Qisza.com

789/4 ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 8 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320
มือถือ : 08-4659-4999