ปอร์เช่มียอดส่งมอบรถ ยอดขาย และรายได้จากการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  สตุ้ดการ์ด. ปอร์เช่ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องใน 9 เดือนแรกของปี 2013 เมื่อเทียบกับตัวเลขจากปีก่อนจะพบว่า ยอดส่งมอบรถยนต์ปอร์เช่ให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น 15% โดยมียอดส่งมอบที่ 119,747 คัน รายได้ของโรงงานรถสปอร์ตในช่วง 9 เดือนแรกของปีเพิ่มมากขึ้น 3% โดยเพิ่มขึ้นเป็น 10.42 พันล้านยูโร รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1% คิดเป็น 1.89 พันล้านยูโร จำนวนของพนักงานเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นเป็น 18,882 คน และถือได้ว่าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึง 11% หากเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 32% หากเทียบกับตัวเลขของสองปีก่อน

 Lutz Meschke ประธานบริหารฝ่ายการเงินเน้นให้เห็นถึงความสำเร็จของปอร์เช่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรต่อยอดขายที่สูงถึง 18% และ ด้วยตัวเลขนี้เองที่ทำให้ปอร์เช่ได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งผู้นำของอุตสาหกรรม รถยนต์ได้โดยทันที สมาชิกบอร์ดบริหารยังย้ำอีกด้วยว่า แม้ว่าปอร์เช่จะประสบความสำเร็จในระดับสูง แต่เงินเหล่านี้จะต้องถูกนำไปใช้ในการขยายโรงงานผลิตที่ไลพ์ซิกและเพื่อการ พัฒนาศูนย์ Weissach รวมถึงใช้ในการพัฒนารถสปอร์ตเอนกประสงค์ SUV อย่างมาคันน์ (Macan) และ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตจากปอร์เช่ Meschke ได้อธิบายไว้ว่า “เราจะไม่มองแค่เพียงว่าเราได้มาเท่าไหร่ แต่เราต้องมองถึงต้นทุนของเราด้วยเช่นกัน” 

 ประธานกรรมการและประธานบริหารของปอร์เช่ Matthias Müller ได้เน้นถึงสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยรถรุ่นใหม่ออกมา และได้กล่าวไว้ว่า “ด้วยมาคันน์ (Macan), 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) พร้อม จำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายของปอร์เช่ทั่วโลก ทำให้ปอร์เช่ได้เริ่มต้นเปิดประวัติศาสตร์ความสำเร็จหน้าใหม่ที่เข้มข้นขึ้น อีกครั้ง รุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S       E-Hybrid) คือปอร์เช่รุ่นแรกที่ติดตั้งระบบเครื่องยนต์ขับเคลื่อนไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างเต็มที่ Matthias Müller ได้กล่าวเพิ่มเติมไว้ว่า “เทคนิคที่เหนือชั้นในรถคันนี้ สาธิตให้เห็นถึงการพัฒนาที่

เป็นเลิศของรถยนต์ปอร์เช่” ไม่เพียงเท่านี้ปอร์เช่ยังเตรียมที่จะส่งมาคันน์ (Macan) รถสปอร์ตเอนกประสงค์ SUV ออกมาให้ยลโฉมแล้วด้วยเช่นกัน โดยจะทำการเปิดตัวในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “มาคันน์ (Macan) จะส่งมอบทุกสิ่งที่ลูกค้าปรารถนาจากปอร์เช่”

 "ด้วยการลงทุนกว่า 1.3 พันล้านยูโร ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในอนาคต" Matthias Müller ประธาน กรรมการและประธานบริหารกล่าวเพิ่มเติมไว้ ไม่เพียงเท่านี้จำนวนพนักงานยังเพิ่มมากขึ้น เพียงปีนี้ปีเดียวปอร์เช่จ้างพนักงานเพิ่มขึ้น 1,500 อัตรา และใน 3 ปีที่ผ่านมาเพิ่มมากขึ้นถึง 6,000 อัตราเลยทีเดียว  

 ปอร์เช่สร้างยอดขายได้เพิ่มมากขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมียอดส่งมอบให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น 26% ที่ 31,549 คัน ส่วนในประเทศจีนเพิ่มขึ้น 15% ที่ 27,458 คัน สำหรับตลาดในยุโรปนั้นเพิ่มขึ้น 2% ด้วยเช่นกันถึงแม้ว่าจะต้องประสบปัญหาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจตกต่ำก็ตามที

บ็อกซเตอร์ (Boxster) และเคย์แมน (Cayman) เติบโตที่สุด โดยมียอดส่งมอบที่สูงขึ้นถึง 146% ที่ 19,732 คัน ยอดส่งมอบรถที่มากที่สุดยังคงเป็นของรุ่นคาเยนน์ (Cayenne) ที่มียอดส่งมอบถึง 62,886 คันถือได้ว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 16% ส่วน 911 ส่งมอบให้ลูกค้าที่ 21,755 คัน ถือได้ว่าเพิ่มขึ้น 10% พานาเมร่า (Panamera) มียอดขายที่ลดลง 31% หรือ 15,374 คันเนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนเข้าสู่รุ่นใหม่ โดยพานาเมร่า (Panamera) ใหม่เปิดตัวทั่วโลกแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2013 ที่ผ่านมา